วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เธอคือแรงบันดาลใจ ตอนจบ

                                                          ตอนจบ

วันเวลานั้นเหมือนสายน้ำ เมื่อไหลผ่านไปแล้วไม่สามารถไหลย้อนกลับมาได้  เวลาสำหรับความรักมักไม่หยุดรอคอยใครมันไหลผ่านไปเหมือนสายน้ำ และกว่าเราจะรู้สึกตัวสายน้ำนั้นก็ไหลผ่านตัวเราไปแล้ว  สายลมเย็นพัดผ่านมากระทบผิวน้ำให้กระเพื่อม จนทำให้มองเห็นเงาสะท้อนของดวงจันทร์ที่อยู่ในน้ำเคลื่อนที่ มันเหมือนเรากำลังมองดูดวงจันทร์ลอยไปลอยมา อวัศยาในชุดเดรสสีน้ำเงินเข้ารูปยืนอยู่ท่ามกลางแสงสลัวของดวงจันทร์และแสงไฟจากริมถนน  ดวงตาเหม่อลอยเคว้งคว้าง ท่ามกลางความสับสนของจิตใจ

อัง : ในวันที่นทีบินไปเรียนต่ออเมริกา เขาบอกว่าจะไปพร้อมกับหนูดาว นั่นก็แสดงให้เราเห็นว่าเรื่องของเขากับหนูดาวมันเป็นเรื่องจริง แล้วผู้หญิงที่ชื่อเคท ทำไมถึงได้กลายมาเป็นแม่ของเด็ก คำถามนี้วนเวียนอยู่ภายในใจของหญิงสาว  ซึ่งคนที่จะตอบคำถามเหล่านี้ได้คงมีเพียงชายหนุ่มเท่านั้น เกิดอะไรขึ้นที่อเมริกากันแน่นะ

อากาศที่ค่อนข้างหนาวทำให้ร่างบางถึงกับห่อตัวยามต้องลมเย็น ผ้าคลุมไหล่ผืนบางไม่อาจบรรเทาความหนาวเย็นในค่ำคืนนี้ไปได้ อย่างน้อยๆ เธอก็น่าจะนำเสื้อคลุมติดตัวออกมาด้วยตอนออกจากรถ หญิงสาวคิดพร้อมกับกระชับผ้าไว้มั่น ขณะที่อวัศยากำลังใช้ความคิดอยู่นั้นเอง ใครบางคนก็เดินฝ่าความมืดมายืนอยู่ทางด้านหลัง เสียงฝีเท้าที่เดินเหยียบกิ่งไม้แห้งนั้นทำให้คนที่กำลังใช้ความคิดอดหวาดระแวงไม่ได้  ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้ทำอะไรเสียงทุ่มก็พูดขึ้น

นที : ต้นไม้ต้นนี้แก่มากแล้วสินะ ไม่คิดว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง น้ำเสียงของชายหนุ่มทำให้อวัศยาคลายความหวาดกลัวลงเมื่อรู้ว่าเจ้าของฝีเท้านั้นคือใคร

อัง : นั่นสิ ไม่คิดว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง

นที : เราคิดว่าอังลืมที่นี่แล้วซะอีก

อัง : จะลืมได้ยังไงกัน ที่แห่งนี้มีความทรงจำดีๆ ตั้งมากมาย

นที : ความทรงจำ  ชายหนุ่มทวนคำหญิงสาวเบาๆ สิบปีแล้วสินะ เวลามันเดินช้ามากเหลือเกินกว่าจะมาถึงวันนี้ สำหรับคนที่มีความสุขเขาคงจะบอกว่าเวลาผ่านไปเร็ว แต่สำหรับคนที่มีความทุกข์เขาก็จะบอกว่าช้า แล้วอังล่ะ สิบปีสำหรับอังมันช้าหรือเร็ว

            อัง : สำหรับอังมันเป็นสิบปีแห่งฝันร้าย

นที : เราเสียใจด้วยนะเรื่องคุณพ่อ และก็ขอโทษที่ไม่ได้กลับมาร่วมงานท่านด้วย

อัง : เราทำใจได้แล้วล่ะ นทีไม่ต้องขอโทษหรอก

            นที : แต่ถึงยังไงเราก็เสียใจเราน่าจะกลับมาไวกว่านี้ อย่างน้อยๆ ก็จะได้มากราบท่านเป็นครั้งสุดท้าย น้ำเสียงของชายหนุ่มนั้นมีแววของความเสียใจ

            อัง : คุณพ่อคงไม่โทษว่าเป็นความผิดของนทีหรอก และถึงนทีอยู่ที่นั้นด้วยในวันนั้นคุณพ่อก็คง เมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาวหมองลง ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือไปแตะเบาๆ บนไหล่ของหญิงสาว เพื่อเป็นการปลอบ

            นที : เราไม่น่าพูดให้อังคิดมากอีกเลย ขอโทษอีกครั้งนะ ชายหนุ่มพูดพร้อมกับถอดเสื้อคลุมตัวยาวที่ตนใส่ออกสวมทับบนไหล่ให้หญิงสาวคลายจากความหนาว ข้างนอกอากาศหนาวอังควรจะสวมเสื้อคลุมไว้บ้าง

            อัง : แล้วนทีไม่หนาวเหรอเอาเสื้อมาให้เราใส่แบบนี้

นที : ไม่หนาวหรอก อากาศที่อเมริกาหนาวยิ่งกว่านี้อีก

อัง : จริงสิ เราก็ลืมไปว่านทีไปเรียนอยู่เมืองนอกเสียหลายปี คงจะคุ้นเคยกับอากาศที่โน่น
นที : จะว่าชินก็คงจะใช่แต่กว่าจะทำให้ร่างกายคุ้นเคยกับที่โน่นได้ก็ใช้เวลาพอสมควร ทั้งเรื่องเวลา อากาศ และที่สำคัญเรื่องอาหาร เราไม่ค่อยชอบอาหารฝรั่งเท่าไหร่เวลาทานแล้วมันแหยะๆ เลี่ยนๆ ยังไงก็ไม่รู้

อัง : จริงสินะ นทีนะไม่ชอบอาหารฝรั่งตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนิ คนฟังถึงกับหัวใจเต้นแรงเมื่อได้ยินประโยคที่หญิงสาวพูดเมื่อตะกี้

นที : อังยังจำได้ด้วยเหรอว่าเราไม่ชอบอาหารฝรั่ง

อัง : ก็เออ….

นที : อังมีเรื่องอะไรอยากพูดกับเราหรือเปล่า  ใบหน้าหวานมีแววตกใจเมื่อถูกชายหนุ่มถาม อยากรู้เรื่องอะไรก็ถามเรามาเถอะ อย่าให้เราสองคนมีเรื่องคาใจเหมือนเมื่อสิบปีก่อนเลย พอได้ยินชายหนุ่มพูดออกมาตรงๆ อวัศยาก็มีใบหน้าเผือดลงที่ถูกจับความรู้สึกได้

อัง : ก็ถูกของนที เรามีเรื่องที่อยากถามนทีหลายเรื่องแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มที่ตรงไหน ทุกอย่างมันสับสนไปหมด

นที : ถึงได้กลับมาที่จุดเริ่มต้นสินะ

ทุกคำที่เขาพูดออกมานั้นเป็นความจริงทุกอย่าง อวัศยามีเรื่องมากมายที่อยากจะถามเขา แต่พอได้พบเขาแล้วเธอกลับไม่รู้จะเริ่มถามเรื่องไหน ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกกับมนุษย์ที่อ่อนแอเช่นเธอด้วยนะ
อัง : ใช่แล้วล่ะ ในตอนแรกที่คิดไว้ถ้าได้เจอนทีที่นี่จริงเราก็อยากจะเอ่ยขอโทษ และอยากถามเรื่องที่ค้างคาใจเมื่อสิบปีก่อน แต่พอรู้เรื่องลูกของนทีมันก็ทำให้เราเกิดความรู้สึกลังเล จนในที่สุดก็เลยคิดว่าปล่อยให้มันเป็นอดีตไปดีกว่า

นที : ถ้าทำแบบนั้นแล้วอังจะมีความสุขหรือเปล่า ปล่อยให้เรื่องจบโดยที่ตัวเองยังมีเรื่องคาใจมันก็ไม่ต่างจากเมื่อสิบปีก่อนอยู่ดี

อัง : ไม่หรอก เรื่องนี้ต่างจากสิบปีที่แล้ว

นที : ที่บอกว่าต่างคงเป็นเพราะเรื่องที่เรามีลูกแล้วน่ะสินะ

อัง : ใช่..นทีกำลังมีความสุขกับชีวิตครอบครัวที่ดี เราเลยไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องราวเก่าๆ ขึ้นมาอีก

นที : อย่าคิดแบบนั้นสิอัง สำหรับเราแล้วอังเป็นเหมือนครอบครัวของเราคนหนึ่งนะ

อัง : แต่ถึงจะพูดแบบนั้นก็ทีเถอะ เรื่องบางเรื่องไม่พูดจะดีกว่าไม่ใช่เหรอ

นที : อังก็เป็นแบบนี้แหละ เห็นความสุขของคนอื่นสำคัญกว่าความสุขของตัวเองเสมอ เราคิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกอังมาเป็นแรงบันดาลใจ ถึงแม้ว่าตนเองจะต้องเสียใจ แต่ก็ยังยอมเสียสละความสุขของตนเองให้คนอื่น เรื่องระหว่างเรากับหนูดาวมันไม่ได้เป็นอย่างที่อังคิดหรอก แล้วเรื่องที่เราไปนอนค้างบ้านหนูดาวนั้นมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องจริง วันนั้นเราได้เจอกับหนูดาวที่ป้ายรถเมล์ และเป็นคนไปส่งหนูดาวที่บ้านก่อนจะไปเจอรุ่นพี่ที่นัดและค้างด้วยกันที่นั่น หนูดาวเขารู้เรื่องนี้แต่เราก็ไม่คิดว่าเขาจะเอาไปพูดแบบนั้นจนทำให้อังเข้าใจผิดและกลายเป็นเรื่องบานปลายจนทำให้เราสองคนต้องห่างเหินกัน

อัง : แต่วันนั้นนทีก็บอกเองว่าจะไปพร้อมกันกับหนูดาว

นที : ไม่คิดว่าการมีน้ำใจต่อคนอื่นจะเป็นเรื่องผูกมัดตัวเองไว้ นั่นยิ่งทำให้อังเข้าใจผิดมากขึ้น เรื่องที่เราบินไปอเมริกาพร้อมหนูดาวนั้น หนูดาวเป็นคนขอให้เราบินไปพร้อมกัน เหตุผลเพราะหนูดาวไม่เคยบินไปต่างประเทศคนเดียวและเราก็ไม่เห็นว่าจะเสียหายตรงไหน ถึงยังไงเราก็ต้องบินไปอเมริกาอยู่ดี จึงตัดสินใจบินไปพร้อมกันกับหนูดาว แต่พอไปถึงที่โน่นเราสองคนก็แยกจากกัน

อัง : เรื่องทั้งหมดเราเป็นคนเข้าใจผิดเองอย่างนั้นเหรอ

นที : ไม่หรอก ไม่ใช่ความผิดของอังแต่เป็นความผิดของเราเองต่างหาก ถ้าในตอนนั้นเราบอกความรู้สึกของตัวเองให้กับอังรู้ เรื่องเข้าใจผิดแบบนั้นก็คงจะไม่เกิดขึ้น

อัง : ความรู้สึกที่แท้จริงอย่างนั้นเหรอ หมายความว่า

นที : ความรู้สึกที่เรามีต่ออังยังไงล่ะ เราชอบอัง  ทีแรกเราคิดว่าอังรู้แล้วซะอีกถึงได้ทำเป็นหมางเมินกับเรา แต่เราก็เข้าใจผิด สาเหตุที่อังหมางเมินกับเราเป็นเพราะเรื่องหนูดาวต่างหาง  แต่เราก็ดันโง่จนเซ่อถึงไม่รู้ เราขอโทษนะที่ทำให้อังเสียใจในวันนั้น

อัง : เรื่องทุกอย่างเป็นแบบนี้สินะ เราเองก็ผิดด้วยเช่นกันที่ไม่ยอมเชื่อใจนที เพราะความทะนงตนมากไปไม่ยอมเอ่ยถามทั้งที่สงสัย สุดท้ายความรู้สึกผิดที่มีภายในใจก็ทำให้ตนเองต้องเป็นทุกข์ ขอโทษนะนที

นที : อย่าขอโทษอีกเลย เราไม่โกรธอังแล้วล่ะ เรื่องมันผ่านมาสิบปีแล้วอังก็อย่าเก็บมาเป็นทุกข์อีกเลย

อัง : ได้ขอโทษนทีแล้วเราก็รู้สึกดีขึ้น ยิ่งพอรู้ว่านทีมีครอบครัวที่น่ารักเราก็ยิ่งดีใจด้วย อย่างน้อยๆ นทีก็ได้เจอคนที่ดีคนที่เข้าใจนทีมากกว่าอังคำว่าอังหญิงสาวพูดได้เพียงแค่ในใจเท่านั้น เธอไม่อยากพูดให้ชายหนุ่มรู้สึกทุกข์ใจอีก สิบปีที่ผ่านมาเรื่องของเธอทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสึกผิดนานพอแล้ว คงถึงเวลาที่ต้องเก็บความทรงจำเหล่านั้นเข้ากล่องแล้ว หญิงสาวคิดขณะที่สายตาเหม่อมองไปบนท้องฟ้า ถึงแม้ในคืนนี้จะมองไม่เห็นดวงดาวเพราะแสงของดวงจันทร์กลบไปหมด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีดวงดาวในคืนนี้

อัง : แล้วนทีจะกลับไปอเมริกาอีกเมื่อไหร่หรือว่าจะกลับมาอยู่เมืองไทยถาวรเลย

นที : เราคงไม่กลับไปอยู่อเมริกาหรอกแต่ถ้าไปเที่ยวอาจจะมีบินไปบ้าง เพราะพ่อกับแม่ของเคทอยู่ที่นั่นที่เรากลับมาเมืองไทยครั้งนี้ก็เพื่อมาดูแลบริษัทแทนคุณพ่อที่อายุเยอะมากแล้ว อีกอย่างเคทก็อยากมาอยู่เมืองไทยเธออยากจะให้ลูกๆ ถูกเลี้ยงแบบคนไทยมากกว่าเด็กฝรั่ง

อัง : อย่างนั้นเหรอ

นที : เราเข้าไปในงานกันดีกว่า ป่านนี้เพื่อนๆ คงรอกันแล้วล่ะ

อัง : นทีเข้าไปก่อนเถอะ เราขอไปเอาเสื้อคลุมที่รถก่อนแล้วเดี๋ยวจะตามเข้าไป

นที : เอาอย่างนั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ได้แล้วรีบตามมาล่ะ มาช้าระวังจะโดนนรินกับกุ้งแห้งดุเอานะ

อัง : รู้แล้วล่ะน่า เราไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะที่จะต้องกลัวผู้ใหญ่ดุน่ะ

นที : สำหรับเราแล้วอังยังเป็นอังเมื่อสิบปีก่อนไม่ต่างกันเลย

อัง : เราจะถือว่าเป็นคำชมที่นทีชมเราว่าหน้าเด็กแล้วกันนะ

นที : จ้าเอาที่สบายใจล่ะกัน ชายหนุ่มพูดพร้อมกับยิ้มแห้งๆ แต่เมื่อเห็นหญิงสาวกำลังถอดเสื้อคลุมออกก็อดแปลกใจไม่ได้

อัง : เรารู้สึกว่าอากาศมันอุ่นขึ้นกว่าตอนแรกแล้ว หญิงสาวพูดพร้อมกับยื่นเสื้อคลุมส่งให้ชายหนุ่ม เราไม่จำเป็นต้องใช้เสื้อของนทีแล้วล่ะ

นที : อย่างนั้นเหรอมือหนายื่นไปรับเสื้อคลุมจากหญิงสาวที่ยื่นมาให้พร้อมกับพูด เราอยากเห็นอังมีความสุขมากกว่านี้ อย่าให้อดีตมาทำให้อนาคตของอังต้องมืดสลัวอีกเลยนะ

อัง : เข้าใจแล้วล่ะ นทีก็ไม่ต้องกังวลอีกแล้วนะ เราไม่มีทางให้อดีตมาทำร้ายตัวเองหรอก ถึงแม้จะพูดแบบนั้นแต่หัวใจก็รู้สึกแปลบขึ้นมา

การพบกันในครั้งนี้มีทั้งความสุข ความเศร้า ปนความสมหวังของอีกหลายคน แต่เสียงแห่งความสุขนั้นมีมากกว่าความเศร้าหลายเท่านัก บทเรียนที่หญิงสาวได้จากความผิดพลาดในครั้งนี้ สอนให้เธอได้รู้ว่า ความรู้สึกก็มีวันหมดอายุ เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วเราปล่อยให้มันผ่านไปโดยที่ไม่ได้พูด สุดท้ายความรู้สึกนั้นมันก็จะไม่เหมือนเดิม

งานเลี้ยงยังไงก็ต้องเลิกรา เราพบเจอกันในวันนี้ก็เพื่อจาก แต่ใครจะรู้ว่าอนาคตข้างหน้าเราจะกลับมาเจอกันอีกตอนไหน นั้นเป็นเรื่องยากที่จะเดา แต่มิตรภาพ สายใยแห่งความรัก กลับไม่มีวันจางหาย ไม่มีใครมาทำลายสายใยเส้นบางๆ นี้ได้ เรื่องราวของหญิงสาวและชายหนุ่มยังคงมีอยู่ ไม่ได้ถูกลบเลือนไปจากกาลเวลา เขาและเธอยังคงเก็บความทรงจำเหล่านั้นไว้อย่างหวงแหน ราวกับว่ามันเป็นของขวัญที่ล้ำค่าพิเศษสุด ถ้าหากปาฏิหาริย์มีจริง คำอธิฐานที่เธอก็คงจะเป็นจริงในสักวัน

The End


ฟารีดา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น